แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แนวทางการเรียน มสธ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แนวทางการเรียน มสธ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2563

แบ่งปันแนวทางการเรียน มสธ อย่างไร ให้ผ่านและได้ เกียรตินิยม เหรียญทอง

คำนำ


        ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่าสวัสดีกับผู้ที่กำลังอ่านเอกสารนี้อยู่ ขอบคุณบางสิ่งที่ทำให้ผมกับคุณได้มาพบกัน ผมตั้งใจเขียนแนวทางการเรียน มสธ สาขาวิทยาการจัดการ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต เอกการเงิน ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่ต้องการผลการเรียนในระดับเกียรตินิยมอันดับ 1 หรือ 2 มีโอกาสถึงฝั่งฝันได้ง่ายขึ้น ไม่หลงทาง และใช้พลังงานในการเรียนไม่มากจนเกินไป อย่าได้ขึ้นชื่อว่าเรียนอย่างเดียว ยิ่งคนที่เรียน มสธ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ต้องทำงานหารายได้ไปด้วย ยิ่งต้องอ่าน

        ในโลกใบนี้มีหลายสิ่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารัก หรือทำในสิ่งที่เรารัก หารายได้ เป็นต้น แต่เวลาของคนเรานั้นมีจำกัด เวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเราสามารถบริหารเวลาได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ด้วยเวลาที่เท่ากัน เราจะสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างมีคุณภาพ และได้ปริมาณงานที่มากกว่าคนอื่น เนื้อหาที่จะกล่าวในเอกสารต่อไปจากนี้ จะเป็นแนวทางการเรียน มสธ เอกการเงิน เพื่อเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากประสบการณ์การเรียนส่วนตัวของผม เป็นเวลา 3 ปี อนึ่ง ผู้ที่เรียนสาขาอื่นก็ยังสามารถนำหลักการนี้ไปปรับให้เข้ากับหลักสูตรของตนได้ไม่มากก็น้อย บุญกุศลใด หากเกิดจากประโยชน์ของเอกสารนี้ ขอให้ถึงแด่ พ่อ แม่ คู่ครอง และครอบครัวของข้าพเจ้า รวมถึงผู้ที่ได้ใช้เอกสารสารนี้ด้วยเทอญ สาธุ

ด้วยความปรารถนาดี

วีระยุทธ อริเดช


รักจะเล่นเกมส์ ต้องรู้กฎกติกา


        การเรียนก็เหมือนกับการเล่นเกมส์ ทุกเกมส์ย่อมมีกฎกติกามารยาทในการเล่นเกมส์ การเรียน มสธ ก็เหมือนกัน กฎกติกาที่เราจะศึกษานี้ คือกฎกติกาของการได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและสอง

รายละเอียดคุณสมบัติผู้ได้รับเกียรตินิยม ดังนี้

คุณสมบัติผู้ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คือ

- สอบผ่านชุดวิชาต่างๆ ครบตามโครงสร้างหลักสูตรภายในกำหนดเวลาของหลักสูตร

- ไม่เคยสอบได้คะแนนลำดับขั้น U ในชุดวิชาใดตลอดหลักสูตร

- ไม่เคยเรียนซ้ำชุดวิชาใดเพื่อยกระดับคะแนน

- มีชุดวิชาสะสมของลำดับขั้น H เป็นจำนวนตั้งแต่สามในสี่ขึ้นไปของชุดวิชาในหลักสูตรทั้งหมด

- นักศึกษาที่ได้รับการเทียบงานรายวิชาหรือโอนชุดวิชาจะไม่มีสิทธิได้รับปริญญาเกียรตินิยม

คุณสมบัติผู้ได้รับเกียรตินิยมอันดับสอง คือ

- สอบผ่านชุดวิชาต่างๆ ครบตามโครงสร้างหลักสูตรภายในกำหนดเวลาของหลักสูตร

- ไม่เคยสอบได้คะแนนลำดับขั้น U ในชุดวิชาใดตลอดหลักสูตร

- ไม่เคยเรียนซ้ำชุดวิชาใดเพื่อยกระดับคะแนน

- มีชุดวิชาสะสมของลำดับขั้น H เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของชุดวิชาสะสมทั้งหมด

- นักศึกษาที่ได้รับการเทียบงานรายวิชาหรือโอนชุดวิชาไม่มีสิทธิได้รับปริญญาเกียรตินิยม

ระบบเกรด มสธ ไม่เหมือนชาวบ้านเค้า


        การตัดเกรดของ มสธ เป็นแบบอิงเกณฑ์ ทำได้ตามเกณฑ์ไหนก็ได้เกรดตามเกณฑ์นั้น ไม่มี A B C D F เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วๆไป ดังต่อไปนี้

H = Honour ทำคะแนนได้ตั้งแต่ 76% ขึ้นไป = ผ่าน = เกรด 4

H* = Honour ทำคะแนนได้ตั้งแต่ 76% ขึ้นไป ในการสอบซ่อม คือสอบไม่ผ่านมาก่อน และมี U มาก่อนแล้วหมดสิทธิได้เกียรตินิยม = ผ่าน = เกรด 4

**** ไม่เหมือนกรณีไม่เข้าสอบจะติดอักษร I ยังมีสิทธิ์ได้เกียรตินิยม แต่ถ้าสอบซ่อมก็ยังไม่เข้าสอบอีกเอา U ไปเลยจ้า หมดสิทธิได้เกียรตินิยม ****

S = Satisfactory ทำคะแนนได้ตั้งแต่ 60% จนถึง 75% = ผ่าน = เกรด 2.3

S* = Satisfactory ทำคะแนนได้ตั้งแต่ 60% จนถึง 75% ในการสอบซ่อม คือสอบไม่ผ่านมาก่อน และมี U มาก่อนแล้ว หมดสิทธิได้เกียรตินิยม = ผ่าน = เกรด 2.3

U = Unsatisfactory ทำคะแนนได้น้อยกว่า 60% = ไม่ผ่าน หมดสิทธิได้เกียรตินิยม

U* = Unsatisfactory ทำคะแนนได้น้อยกว่า 60% ในการสอบซ่อม คือสอบไม่ผ่านมาก่อน และมี U มาก่อนแล้ว หมดสิทธิได้เกียรตินิยม = ไม่ผ่าน

I = หมายถึงไม่เข้าสอบ


วิธีคำนวณเกรด มสธ


1 ชุดวิชา = 6 หน่วยกิต

H = 4.00

S = 2.30

เทอมภาคปกติ ลงได้สูงสุด 3 ชุดวิชา และ เทอมภาคพิเศษลงได้สูงสุด 1 ชุดวิชา (คนไหนรีบจบก็ควรลงนะ แต่ผมไม่รีบ เนื่องจากต้องนำเวลาส่วนนั้นไปทำอย่างอื่น)

สมมติเรียนไป 1 ปี หรือ 2 เทอมภาคปกติ ลงเทอมละ 3 ชุดวิชา

ผลการเรียนเป็นดังนี้

วิชาที่ 1 เกรด H

วิชาที่ 2 เกรด H

วิชาที่ 3 เกรด S

วิชาที่ 4 เกรด H

วิชาที่ 5 เกรด H

วิชาที่ 6 เกรด H

การคำนวณเกรดเฉลี่ยทำได้ดังนี้

= (ผลรวมของผลคูณระหว่างหน่วยกิตกับเกรดที่ได้รับในแต่ละวิชา) / หน่วยกิตรวมทั้งหมด

= (6x4.00 + 6x4.00 + 6x2.3 + 6x4.00 + 6x4.00 + 6x4.00) / (6x6)

= 57.2 / 36 = 3.39


Walk-In Exam เครื่องมือทรงพลัง แบ่งเบาภาระสมอง


        Walk-In Exam คือ การสอบตามความพร้อมของนักศึกษารายบุคคลด้วยคอมพิวเตอร์ รู้ผลทันที เหมาะสำหรับคนใจร้อนอย่างผม ในกรณีสอบปกติต้องรอผลสอบนานถึง 1 – 1.5 เดือน ซึ่งนานมากๆๆๆๆๆ มีค่าธรรมเนียมในการสอบชุดวิชาละ 300 บาท สอบ ณ สถานที่ต่อไปนี้

ณ ศูนย์การสอบส่วนกลาง มสธ. นนทบุรี

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. เพชรบุรี

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. นครสวรรค์

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. อุดรธานี

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. จันทบุรี

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. นครศรีธรรมราช

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. ลำปาง

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. อุบลราชธานี

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. สุโขทัย

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. ยะลา

ณ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. นครนายก (ผมอยู่โคราชไปสอบที่นี่ เป็นห้องแอร์ สอบแบบเย็นสบายไม่ร้อน)

**** หมายเหตุ สถานที่จัดสอบอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คที่เว็บไซต์ https://www.stou.ac.th/offices/ore/adre/walkinexam/searchpaym.asp ****


ประโยชน์ของการสอบ Walk-In Exam มีดังนี้

1. รู้ผลสอบทันที ไม่ต้องจิตตกรอผลสอบ

2. สอบผ่านแล้ว ไม่ต้องเข้าสอบปกติอีก เหลือสมองไว้สำหรับโฟกัสวิชาที่เหลือมากขึ้น

3. เหลือเวลาสำหรับนำไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิต

4. ถ้าสอบไม่ผ่าน ยังสามารถเข้าสอบปกติได้อีก ผลสอบผ่านในการสอบปกติไม่มีเครื่องหมายดอกจันด้วยนะ


วิชาเลือกเสรี ของหวานหรือยาขม ขึ้นอยู่กับเรา


        วิชาเลือกเสรี ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าให้อิสระในการเลือก แต่ก็มีบางชุดวิชาที่กำหนดไม่ให้ลงทะเบียนเรียน อันนี้ต้องดูให้ดี ไม่งั้นอาจพลาดเกียรตินิยมได้

การลงทะเบียนเรียนชุดวิชาเลือกเสรี เพื่อนๆสามารถเลือกศึกษาได้ตามความถนัดและความสนใจ โดยจะเป็นชุดวิชาของสาขาวิชาหรือวิชาเอกใดก็ได้ที่เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย ในภาคการศึกษาที่เพื่อนๆจะลงทะเบียนเรียน ยกเว้นชุดวิชาที่ไม่อนุญาตให้ลงทะเบียนเรียนเป็นชุดวิชาเลือกเสรีตามประกาศ ฯ เรื่องเกณฑ์การลงทะเบียนเรียนชุดวิชาเลือกเสรี เพื่อนๆสามารถศึกษาชุดวิชาที่ไม่สามารถเลือกลงทะเบียนเรียนเป็นชุดวิชาเลือกเสรีได้จากคู่มือการลงทะเบียนเรียน

ผมขอแนะนำให้ลงทะเบียนเรียนวิชาที่เราถนัดและคว้า H มาได้ไม่ยาก คุณเลือกเอา ว่าจะกินของหวานหรือยาขมดี สำหรับตัวผม ลงวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มีจัดสอบ Walk-in Exam ด้วย เก็บ H มาได้ไม่ยากเย็น (เป็นคนที่ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษนะ) จึงเรียนมาเพื่อทราบ…….


เทคนิควิธีการอ่านหนังสือ มสธ ฉบับ เรียนก็ต้องเรียน เงินก็ต้องหา


        สิ่งที่ผมจะเปิดเผยต่อไปนี้ เป็นวิธีที่ใช้ในการเรียนมสธ ให้ผ่านและได้เกียรตินิยมเป็นของแถม โดยไม่ใช้เวลามากจนเกินพอดี เพราะคนเราต้องทำอย่างอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพ อยู่กับครอบครัว ดูแลคนที่เรารัก

ผมแบ่งวิธีการเรียน มสธ เป็น 2 แบบ คือ

1. วิธีเรียนแบบทำสรุปย่อ

2. วิธีเรียนแบบไม่ทำสรุปย่อ



วิธีเรียนแบบทำสรุปย่อ

        เป็นวิธีเรียนที่ดีที่สุดในความคิดของผม เข้าใจและจดจำเนื้อหาได้ง่าย ก่อนสอบมีความมั่นใจในเนื้อหาเต็มร้อย ทบทวนได้อย่างรวดเร็วและหลายรอบ ทำข้อสอบได้อย่างแม่นยำ แต่ข้อเสียคือค่อนข้างต้องลงทุนเรื่องเวลาในการจัดทำ ยิ่งถ้าทำละเอียดมากก็ยิ่งจะเสียเวลามาก



วิธีเรียนแบบไม่ทำสรุปย่อ

        ไม่ใช่วิธีเรียนที่ดีที่สุดแต่พอดีที่สุดสำหรับผม สิ่งแรกที่เป็นข้อได้เปรียบเลยก็คือประหยัดเวลา ไม่ต้องโน๊ต ทบทวนหลายๆรอบอาจเป็นเรื่องยากและหนักน่าดู เนื่องจากไม่ได้สรุปความเข้าใจเป็นคำพูดของตัวเอง การเข้าใจและจดจำเนื้อหาอาจมีสับสนกันบ้างไม่แม่นยำ ก่อนสอบจึงอาจทำให้ขาดความมั่นใจไปบ้างไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตามผมใช้วิธีที่สองนี้ในการเรียน มสธ ให้ได้เกียรตินิยมเกือบจะทุกวิชา เคยทำสรุปย่อช่วงเรียนแรกๆเพราะยังมีไฟ แต่พอหลังๆชักอ่อนเพลีย ไหนจะต้องหาเงิน ไหนจะต้องเอาเกียรตินิยม จึงต้องคิดค้นหาวิธีเรียนที่พอดีที่สุดให้ได้


เจาะลึก วิธีเรียน มสธ แบบไม่ทำสรุปย่อ


สรุปได้เป็นหลักการดังนี้

1. อ่านหนังสือ มสธ อย่างน้อย 3 รอบ ด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน

รอบที่ 1 อ่านแบบสแกน คืออ่านแบบผ่านๆแต่ทุกตัวอักษร อ่านด้วยความรวดเร็วอย่าหยุด และอ่าน 1 หน่วยให้จบในวันเดียวจะดีมาก

รอบที่ 2 อ่านแบบทำความเข้าใจ คือการอ่านแบบเอาให้เข้าใจ ด้วยความเร็วที่ช้าลงกว่ารอบแรก พร้อมกับใช้ปากกาเน้นคำที่มีสีที่เราชอบ (ผมใช้สีเหลือง) ไฮไลฟ์ข้อความที่สำคัญ ที่สามารถอ่านแล้วเข้าใจโดยไม่ต้องอ่านประโยคอื่นๆ หนึ่งหน้ากระดาษอาจจะมีการเน้นคำเพียงหนึ่งหรือสองบรรทัด หรือไม่มีเลยก็ได้ แล้วแต่ความเข้าใจของแต่ละคน อย่าไปอายที่จะไฮไลฟ์เกือบทั้งหน้า ไม่มีใครฆ่าคุณ แต่มันเป็นสัญญาณว่าคุณอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหานั้น

รอบที่ 3 อ่านแบบทบทวน คือการอ่านเฉพาะไฮไลฟ์ที่ได้ในการอ่านรอบที่สอง ถ้าไฮไลฟ์มีน้อยก็จะทำให้การทบทวนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ส่วนรอบที่ 4 5 6 ก็จะเป็นการทำแบบเดียวกับรอบที่สาม จัดไปตามสะดวกเลยครับผม ยิ่งจำนวนรอบมากก็ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสได้ H ให้มากขึ้น แต่อย่าลืมว่าต้องแลกมาด้วยเวลาที่เสียไป ส่วนตัวผมมีเพียง 3 รอบครับ

2. การใช้ชุดแบบฝึกหัดของแต่ละชุดวิชา เมื่อผมได้รับชุดแบบฝึกหัดจาก มสธ ผมจะทำการวงกลมข้อที่ถูกต้องด้วยสีแดงก่อนอ่านเสมอ ทั้งแบบฝึกหัดก่อนเรียนและหลังเรียน เพื่อเป็นการประหยัดเวลา การอ่านชุดแบบฝึกหัดจะทำหลังจากการอ่านเนื้อหาในแต่ละหน่วยจบ เพื่อเป็นการทบทวนในทันที สมมติอ่านหนังสือ 3 รอบ ก็จะเท่ากับต้องอ่านชุดแบบฝึกหัด 3 รอบด้วยเช่นกัน

3. การเตรียมตัวก่อนเข้าห้องสอบ 1 วัน หรือ 1 ชั่วโมงก่อนสอบ เอาตามสะดวกเลยนะครับ หรือจะไม่มีขั้นตอนนี้ก็ได้ แต่ถ้าต้องการให้ทำดังนี้ อ่านแนวคิด อ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ อ่านกิจกรรมท้ายบท ของทุกหน่วย เสร็จแล้วมาอ่านชุดแบบฝึกหัดทุกหน่วย เป็นอันเสร็จพิธีพร้อมเข้าสอบได้

        เพื่อนๆ คนไหนสามารถทำได้อย่างที่เขียนมา ผมรับรองว่าไม่มีคำว่าสอบไม่ผ่าน อย่างน้อยก็ต้อง S นอนมาแน่นอน ฟันธง!!!!!


**** เก็บตก

การเรียน มสธ ทักษะการอ่านเร็วเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ส่วนตัวผมใช้เทคนิคการอ่านเร็วแบบใช้เครื่องนำสายตา พวกนิ้วของเรา ปากกา หรือดินสอ ทำให้ผมอ่านหนังสือได้เร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเลยครับ ใครจะเอาเทคนิคนี้ไปใช้ก็ไม่หวงนะครับ เพราะผมก็เอามาจากคนอื่นอีกที อิอิ

สุดท้ายนี้ ก็ต้องขอขอบคุณที่ได้อ่านมาจนถึงตรงนี้ ไม่เสียแรงที่ผมกลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์ของผม ไม่ได้เขียนละเอียดมาก อยากให้เป็นเพียงแนวทางไปปรับให้เข้ากับแต่ละคน เพราะทุกคนล้วนแตกต่างด้วยปัจจัยที่แตกต่าง ขอให้ทุกคนที่ได้พบเอกสารนี้จงมีแต่ความสำเร็จในทุกสิ่งที่ปรารถนา ทั้งเรื่องเรียน การงาน ครอบครัว ความรัก สาธุ สาธุ สาธุ


  
เครดิตภาพจาก: 




เครดิต: Stou Variety 





เครดิตวีดีโอจาก: